โลกจะสูญเสียอะไรในวันแห่งชัยชนะ?

Google+ Pinterest LinkedIn Tumblr +

ในยุโรปตะวันตก วันที่ 8 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันที่ฝ่ายสัมพันธมิตรยอมรับการยอมจำนนอย่างไม่มีเงื่อนไขของเยอรมนีในปี 1945 ถือเป็นวันแห่งชัยชนะในทวีปยุโรปหรือ VE Day ในรัสเซียและประเทศสหภาพโซเวียตอื่นๆ บางประเทศจะเป็นวันแห่งชัยชนะในวันที่ 9 พฤษภาคม ประเทศส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะผ่านวันนี้ไปโดยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่ในรัสเซีย นี่เป็นวันเดินขบวนพาเหรดและการรำลึกถึงอย่างขึงขังเพื่อระลึกถึงชาวรัสเซีย 27 ล้านคนที่เสียชีวิตในสงคราม

ตามที่บทความล่าสุดใน The Atlantic ได้ย้ำเตือนเรา วันนี้ยังเป็นวันกล่าวสุนทรพจน์อีกด้วย คำกล่าวของปูตินน่าจะให้เบาะแสเกี่ยวกับสิ่งที่เขาวางแผนที่จะทำใน “ปฏิบัติการทางทหารพิเศษ” ของเขาในยูเครน: ยุติเรื่องนี้ลงหรือขยายสู่สงครามที่ใหญ่ขึ้น

ผู้สังเกตการณ์รัสเซียกังวลว่าปูตินจะอยากช่วยกองทัพของเขาล้างอายในความอัปยศอดสูของผลงานที่ย่ำแย่ในสิ่งที่ควรจะเป็นแค่สงครามสามวัน เบน วอลเลซ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของอังกฤษแสดงความกังวลว่าปูตินจะใช้วันที่ 9 พ.ค. ในการแถลงข่าวเพื่อระดมมวลชนชาวรัสเซีย นี่จะไม่ได้ขยายแค่สงครามกับยูเครนเท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับสงครามต่อสหรัฐและนาโต้อีกด้วย

แต่รัสเซียจะเพิ่มปริมาณเข้าในสงครามได้มากเท่าไหร่นั้นไม่ชัดเจน หากต้องมีการเกณฑ์ทหารจำนวนมาก ก็อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปีกว่าที่กองทหารใหม่เหล่านี้จะพร้อมสำหรับการสู้รบ ในขณะเดียวกัน การเกณฑ์ทหารจำนวนมากเสี่ยงต่อการสร้างความโกรธเคืองของประชาชนชาวรัสเซียที่จนถึงขณะนี้สนับสนุนสงครามเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะเฝ้ามองจากระยะไกลอย่างปลอดภัย  ในทำนองเดียวกัน อุตสาหกรรมการป้องกันประเทศของรัสเซีย ที่ถูกทำให้เป็นง่อยด้วยการจำกัดการส่งออก ไม่สามารถแก้ปัญหาด้านอุปกรณ์ของมอสโกได้อย่างรวดเร็วและทำการผลิตสิ่งที่เป็นรถถังที่ออกแบบมาไม่ดีกับขีปนาวุธที่บกพร่องออกมา

ถึงกระนั้นปูตินอาจสั่งลุยเฮือกสุดท้ายเพื่อกระหน่ำยูเครน เขาอาจมองว่าการทุ่มเทให้มากขึ้นดูจะเป็นตัวเลือกที่สมจริง สิ่งนี้อาจทำให้เกิดความสามัคคีภายในเครมลินได้บ้างและช่วยปิดปากชาวรัสเซียทั่วๆ ไปที่กำลังคิดที่จะประท้วง กองทัพรัสเซียก็อาจยินดีที่ประเทศหนุนทหารมากขึ้นเช่นกัน

ความเป็นไปได้ที่น่าเป็นห่วงยิ่งกว่าคือปูตินตัดสินใจที่จะประกาศให้นาโต้เป็นแหล่งของปัญหาทางการทหารของรัสเซียที่แท้จริง และนำรัสเซียเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 เมื่อต้องเผชิญกับความพ่ายแพ้ เขาอาจตัดสินใจตรงกันข้ามกับ “สันติภาพอย่างมีเกียรติ” ที่นิกสันเคยทำกับเวียดนาม และเลือกที่จะเดิมพันการหลงเหลืออยู่ของตัวรัสเซียเองด้วยสงครามที่ขยายวงกว้างขึ้นแทน โดยเดิมพันว่านาโต้จะสงบศึกก่อนที่เครมลินจะไม่เหลือทางหนีทีไล่นอกจากข้ามไปใช้นิวเคลียร์ นั่นจะเป็นการ “ลดแรงเสี่ยง” ระดับตัวแม่ของตัวแม่ หุ้นน่าจะร่วงและ USD พุ่ง พันธบัตรอาจกลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง

ในขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปก็พยายามที่จะโต้กลับ แต่เป็นการยากที่จะทำให้ 27 ประเทศเห็นด้วยกับอะไรสักอย่าง คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เสนอให้วางขั้นตอนยุติการใช้น้ำมันดิบหรือน้ำมันรัสเซียที่ผ่านการกลั่นแล้วทั้งหมดใน “รูปแบบที่เป็นระเบียบ” โดยอ้างอิงจาก FT FT ยังกล่าวอีกว่าคณะกรรมาธิการกำลังเสนอให้ห้ามเรือยุโรปขนส่งน้ำมันและผลิตภัณฑ์ของรัสเซียไปยังที่ใดๆ ในโลกและงดเว้นไม่ให้บริษัท ประกันในยุโรปให้การประกันการขนส่ง ซึ่งอย่างหลังจะเป็นการเคลื่อนไหวที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งเนื่องจาก 95% ของความคุ้มครองความรับผิดชอบเรือบรรทุกน้ำมันของโลกนั้นจัดการผ่านองค์กรที่ปฏิบัติตามกฎหมายของยุโรป การเคลื่อนไหวเหล่านี้จะทำให้ประเทศอื่นๆ ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งการห้ามซื้อขาย เช่นอินเดียกับจีน หลีกเลี่ยงได้ยากขึ้น

นักเศรษฐศาสตร์ที่บาร์เคลย์สคาดการณ์ว่าการห้ามนำเข้าพลังงานของรัสเซียทั้งหมดสามารถลดการเติบโตของจีดีพีในเขตยูโรได้ 1.3% หรือมากถึง 5% หากมีการปันส่วน พวกเขาประเมินว่าเนื่องจากยูโรโซนนำเข้าก๊าซธรรมชาติและความต้องการน้ำมันดิบ การตกต่ำ 200% ต่อราคาก๊าซธรรมชาติของยุโรป และการตกต่ำ 40% ต่อราคาน้ำมันดิบจะส่งผลให้ข้อตกลงการค้าของยูโรโซนลดลง 4%

แม้ว่าข้อตกลงการค้าจะไม่ใช่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ค่าเงินยูโรเคลื่อนไหว แต่สำหรับปีหรือสองปีที่ผ่านมา ทั้งสองดูเหมือนจะเคลื่อนไหวควบคู่กันไป (ผมลังเลใจที่จะโต้แย้งในเรื่องเหตุและผล) ดูเหมือนว่าหากข้อตกลงการค้าแย่ลงไปอีก เงินยูโรก็มีแนวโน้มอ่อนค่าลงอีกเช่นกัน

 

ในเวลาเดียวกัน ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นอีกเสี่ยงที่จะส่งโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย เมื่อเราพิจารณาปริมาณการใช้น้ำมันของโลกเป็นเปอร์เซ็นต์ของจีดีพีโลก เราจะเห็นได้ว่าหากราคาน้ำมันแตะระดับ $120 ต่อบาร์เรล น้ำมันก็จะบริโภคผลผลิตของโลกมากเท่ากับตอนก่อนเกิดวิกฤตการเงินโลกไม่นาน นั่นไม่ใช่จุดที่เราควรไปอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อธนาคารกลางทั่วโลกเริ่มดำเนินการวงจรกระชับ และรัฐบาลหลายแห่งพยายามลดการขาดดุลงบประมาณ

สัปดาห์หน้า: เงินเฟ้อของสหรัฐ, ดัชนีชี้วัดระยะสั้นของสหราชอาณาจักร

สัปดาห์ที่สองของเดือนมักจะเป็นสัปดาห์ที่เงียบสำหรับดัชนีชี้วัด และเดือนนี้ก็เงียบมากกว่าปกติ ตัวหลักจะเป็นมาตรวัดหลายๆ ตัวในเงินเฟ้อของสหรัฐและวันข้อมูลชี้วัดระยะสั้นของสหราชอาณาจักรในวันศุกร์

ที่สหรัฐ เราจะมีดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันพุธ, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี และดัชนีราคานำเข้าในวันศุกร์

ก่อนที่เราจะไปดูข้อมูล เราต้องถามก่อนว่า: มันยังสำคัญอีกไหม? เฟดอยู่บนเส้นทางการกระชับ พวกเขาได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าพวกเขาจะกระชับให้รวดเร็วขึ้นเพียงใด จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิถีเงินเฟ้อถึงจะทำให้พวกเขาเปลี่ยนแผน ไม่ว่าจะเป็นการเร่งให้เร็วขึ้นหรือยอมถอย

แต่เราจะต้องคอยระวังจุดเปลี่ยนโค้งดังกล่าว ขณะนี้ตลาดยังคงคำนวณรวมการกระชับมากกว่าที่เฟดเองคาดการณ์ไว้เป็นอย่างมาก (แม้ว่าการคาดการณ์ของพวกเขาจะล้าสมัยไปแล้วเล็กน้อย) ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อจะบอกเราว่าตลาดปรับลดการคาดการณ์ลงเพื่อให้สอดคล้องกับสิ่งที่คณะกรรมาธิการคาดการณ์หรือไม่ หรือในที่สุดคณะกรรมาธิการจะยอมจำนนต่อการคาดการณ์ของตลาด

ข้อมูลในสัปดาห์หน้าชี้ให้เห็นว่าการมองโลกในแง่ดีอย่างระมัดระวังของพาวเวลล์ ประธานเฟด อาจได้รับการรับรองและเฟดไม่จำเป็นต้องเร่งกระชับแล้ว

CPI คาดว่าจะปรับลงเล็กน้อย ยังคงสูงกว่าเป้าหมายมาก แต่อย่างน้อยในการคาดการณ์นี้อาจถึงจุดสูงสุดแล้ว (เท่าที่เรารู้)

และเป็นแบบเดียวกันเมื่อเราดูการเปลี่ยนแปลงแบบ 3 เดือนที่คาดการณ์ไว้ในการคำนวณเป็นอัตรารายปี ยังสูงเกินไป แต่อย่างน้อยก็ไม่สูงขึ้นแล้ว การชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อที่คาดการณ์ไว้นี้อาจช่วยยืนยันมุมมองของเฟดที่ผ่อนคลายมากขึ้นและช่วยให้ตลาดหุ้นฟื้นตัว ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง

เหมือนกันสำหรับดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งคาดว่ามาตรวัดทั่วไปและมาตรการหลักจะชะลอตัวลง เช่นเดียวกับอัตราการเปลี่ยนแปลงที่คำนวณเป็นอัตรารายปีของตัวเลขรายเดือน

ยังไม่มีการคาดการณ์สำหรับอัตราการเปลี่ยนแปลงแบบ yoy ของดัชนีราคานำเข้า แต่การเปลี่ยนแปลงแบบ mom คาดว่าจะลดลงอย่างมาก

ในขณะเดียวกัน ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของ University of Michigan คาดว่าจะลดลงอีก ดัชนีชี้วัดนี้แสดงความเชื่อมั่นที่แย่กว่าของ Conference Board อย่างเห็นได้ชัด โดยอาจเป็นเพราะดัชนีตัวนี้เน้นที่การเงินส่วนบุคคลมากกว่า ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อและตลาดหุ้นที่ตกต่ำ ในทางกลับกัน การสำรวจของ Conference Board ถามเกี่ยวกับเศรษฐศาสตร์มหภาคโดยทั่วไปมากกว่า โดยเฉพาะในด้านของตลาดแรงงานซึ่งกำลังเฟื่องฟู

นอกจากนี้ ตามที่ Barbara Rockefeller เพื่อนบัณฑิตของผมชี้ให้เห็น แบบสำรวจของ U of M นั้นอิงจากการโทรศัพท์เพียง 500 ครั้ง ผู้ตอบแบบสำรวจจะถูกถามคำถาม 50 ข้อ ใครกันที่อดทนตอบได้ขนาดนั้น? คำตอบคือเหล่าคนเกษียณ พวกเขาอาจจะแก่กว่าและฉลาดกว่า แต่ก็อาจมีอคติที่รุนแรงเช่นกัน

อย่างที่คุณเห็น ดัชนีมีแนวโน้มที่จะตามเงินเฟ้อไป: เงินเฟ้อสูงขึ้น ความเชื่อมั่นลดลง สิ่งนี้บอกอะไรเราเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในอนาคตของผู้บริโภคชาวอเมริกัน? แทบไม่บอกอะไรเลย แต่หลายคนเชื่อว่าสิ่งนี้บอกอะไรเราและคอยจับตาดูมันและส่งผลต่อตลาดเช่นกัน

วันพฤหัสบดีเป็น “วันข้อมูลชี้วัดระยะสั้นของสหราชอาณาจักร” เมื่อพวกเขาประกาศดัชนีชี้วัดหลายตัวที่มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะสั้น ได้แก่: จีดีพี, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและการผลิต, และการค้า โดยคราวนี้จะเน้นไปที่คราวนี้จะเน้นไปที่ตัวเลข GDP ของ Q1 อย่างไม่ต้องสงสัย

การปรับขึ้น +0.9% qoq นั้นสอดคล้องกับประมาณการของธนาคารกลางอังกฤษในการทบทวนนโยบายการเงินเดือนพฤษภาคมเมื่อวานนี้ ดังนั้นจึงไม่มีนัยยะใดๆ ต่อนโยบาย แต่อาจมีการเบี่ยงเบนขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเบี่ยงไปด้านลบ  การพลาดเป้าการคาดการณ์จะเพิ่มความกังวลให้กับสมาชิกของคณะกรรมาธิการนโยบายการเงินที่มีความกังวลเกี่ยวกับการนำเศรษฐกิจดิ่งลงสู่ภาวะถดถอย ตลาดน่าจะตอบสนองโดยการถอดการกระชับมากขึ้นออกจากการคาดการณ์ ซึ่งจะเป็นผลลบต่อ GBP ตรงกันข้าม ในกรณีที่ทะลุเป้าจะไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ในจุดนี้เพราะแนวโน้มยังคงมืดมน ดังนั้น ผมคิดว่าเรามีความเสี่ยงด้านลบที่ไม่สมดุลจากตัวเลข GDP ของสหราชอาณาจักร

การขาดดุลการค้าคาดว่าจะแคบลงแค่เล็กน้อยจนแทบไม่ทันสังเกต

นั่นอาจเป็นเพราะการนำเข้าลดลงเล็กน้อย และดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีสาเหตุมาจากการส่งออกที่พุ่งสูงขึ้นแต่อย่างใด เราทุกคนต่างรอคอยขุมทรัพย์ Brexit เมื่อสหราชอาณาจักรซึ่งเป็นอิสระจากข้อจำกัดด้านกฎระเบียบต่างๆ ของสหภาพยุโรปที่ไม่สมเหตุผล ที่ในที่สุดก็สามารถเข้าสู่ข้อตกลงการค้าที่เป็นประโยชน์มากขึ้นกับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก เช่น นาอูรู ตูวาลู อันดอร์รา เป็นต้น

Share.
คำเตือนความเสี่ยง: การเทรดฟอเร็กซ์/CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นมีการเก็งกำไรสูงและมีความเสี่ยงสูง การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงทั่วไป