อัตรา ณ เวลา 05:00 GMT
ตลาดวันนี้
หมายเหตุ: ตารางข้างต้นได้รับการอัพเดทก่อนการประกาศข้อมูลการสำรวจเงินเฟ้อคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญครั้งล่าสุด อย่างไรก็ตาม เราได้จัดเตรียมข้อความและกราฟไว้ล่วงหน้า ดังนั้นการคาดการณ์ที่ระบุไว้ในตารางข้างต้นกับในข้อความและกราฟอาจแตกต่างกัน
เช้านี้มีข้อมูลจำนวนมากจากยุโรป
คาดว่าข้อมูลการว่างงานของเยอรมนีในสถานการณ์การจ้างงานจะดีขึ้นบ้างโดยจำนวนผู้ว่างงานจะลดลง
คาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภคที่เป็นตัวเลขสรุป (HICP) ของสหภาพยุโรปซึ่งทำให้ตลาดตกใจในเดือนที่ผ่านมาเพราะทำสถิติที่สูงกว่าการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญถึง 70 bps นั้นจะปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนนี้ การคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงในระดับ yoy ในเวลานี้มีกรอบระหว่าง 5.0% ถึง 5.9% โดยมีค่ากลางที่ 5.6%
ความตกใจในเดือนที่ผ่านมาไม่ได้เกิดจากเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น แต่เกิดจากการที่ตลาดคาดว่าเงินเฟ้อจะลดลงแต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น
โดยตัวเลขดีกว่าที่ประมาณการถึงแปดครั้ง เท่ากับประมาณการสามครั้ง และพลาดประมาณการเพียงครั้งเดียวในปีที่ผ่านมา
การที่อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นไม่ใช่การเปรียบเทียบฐานที่สูงในปีก่อน แต่เป็นอัตราการเปลี่ยนแปลงรายปีที่แบ่งเป็นสามเดือนซึ่งอยู่ในแนวโน้มขาลง และคาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้น (อาจถึง 5.4% yoy ซึ่งเป็นสาเหตุที่บนกราฟมีจุดเพียงจุดเดียว
อย่าลืมว่าเป้าหมายเงินเฟ้อของ ECB กำหนดโดยใช้อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ไม่ใช่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ทำให้ขณะนี้ดูเหมือนยากมากเพราะพวกเขาไม่สามารถ “มองข้าม” ผลกระทบจากการขึ้นราคาสินค้าพลังงาน
ต่อจากนั้นจะเป็นรายงานการจ้างงานของ ADP Automated Data Processing Inc. (ADP) เป็นบริษัทรับจ้างที่จัดการเรื่องเงินเดือนของภาคเอกชนในสหรัฐฯ สูงถึงประมาณหนึ่งในห้า ดังนั้น ฐานลูกค้าของบริษัทจึงเป็นตัวอย่างที่ค่อนข้างใหญ่ของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในภาพรวม จึงควรติดตามอย่างใกล้ชิดเพื่อคาดการณ์ถึงตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวดูเหมือนเป็นหนึ่งในสัญญาณความเคลื่อนไหวใหม่ของยูเครนเพื่อดูว่าจะเป็นไปในทิศทางใด (ผมจะไม่แปลภาพนี้ให้คุณยกเว้นภาพนี้จะเป็นภาษาอังกฤษเพราะผมอาจถูกไล่ออก) (อย่างไรก็ตาม นี่เป็นภาพตัดต่อ โดยองค์กรที่ทำหน้าที่ดูแลป้ายบอกทางนำป้ายออกไปตามคำแนะนำของชาวเมือง แต่ก็อย่างที่เห็น องค์กรดังกล่าวได้เริ่มติดป้ายจริงเหมือนแบบนี้)
จากภาพด้านล่าง เดือนที่ผ่านมาเป็นเดือนที่โดดเด่นโดย ADP ปรับตัวลดลง 301k และ NFP ปรับตัวเพิ่มขึ้น 467k ซึ่งการที่ตัวเลขทั้งคู่เคลื่อนไหวในทิศทางแตกต่างกันสูงมากยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย (ตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งเคยเกิดเหตุการณ์ที่ตัวเลขหนึ่งเพิ่มขึ้น 50k และอีกตัวเลขลดลง 50k ซึ่งเข้าใจได้ง่ายโดยความแตกต่างอยู่ที่ 100k) ผมจะพูดตรงๆ ว่าเมื่อรายงาน ADP ประกาศออกมาที่ -301k ผมคิดว่า “ไม่มีทางที่ NFP จะบวกขึ้นแน่ๆ” เหตุการณ์นี้เป็นตัวอย่างที่ดีของข้อความที่ว่า “ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งรับประกันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต” ตามความเห็นของผม
ดังนั้น หลังจากที่ได้อธิบายให้คุณฟังแล้วว่าเหตุใดจึงไม่มีประโยชน์ที่จะจับตาดูข้อมูลชี้วัดดังกล่าว ตอนนี้ ผมจะบอกคุณว่าตลาดคาดการณ์ถึงอะไรเพื่อให้คุณสามารถจับตาดูได้ การคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญคาดว่าจะอยู่ที่ 375k โดยมีกรอบ 200k-700k ผมคิดว่า 375k น่าจะเพียงพอที่จะมั่นใจได้ว่า Fed จะใช้นโยบายที่เคร่งครัดขึ้นและอาจเป็นผลบวกต่อค่าเงินดอลลาร์
นักเศรษฐศาสตร์ดูค่อนข้างไม่ชำนาญในการคาดเดาตัวเลขดังกล่าว เพราะตัวเลขออกมาสูงกว่าที่คาด 7 ครั้งในปีที่ผ่านมาและต่ำกว่าคาด 5 ครั้งโดยไม่ตรงตามเป้าเลย (ถึงแม้จะไม่ค่อยยุติธรรมเมื่อเรากำลังจัดการกับฐานข้อมูลตัวเลขขนาดใหญ่เช่นนี้ และในเดือนพฤศจิกายน ตัวเลขก็สูงกว่าการคาดการณ์ที่เป็นค่ากลางเพียง 9k)
ตอนนี้ก็มาถึงเหตุการณ์สำคัญของวัน: การพิจารณาดอกเบี้ยของ Canada (BoC) ในภาพรวม คาดว่า BoC จะปรับอัตราดอกเบี้ยข้ามคืนขึ้นมา 25 bps จนถึง 50 bps จากการประชุมครั้งล่าสุดในเดือนมกราคม คณะมนตรีบริหารกล่าวว่า “คาดว่าจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย” และนักเศรษฐศาสตร์ทั้ง 26 รายที่ Bloomberg ได้จัดทำโพลขึ้นมาต่างคาดว่ากระบวนการจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ แคนาดาไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการสู้รบในยูเครนมากเท่าใด ถึงแม้ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอาจทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น (รวมถึงเพิ่มแรงกดดันจากเงินเฟ้อ)
โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในขณะนี้อยู่ที่ 5.1% และมาตรวัดพื้นฐานสองตัวในสามตัวสูงกว่ากรอบเป้าหมาย 1%-3% จึงได้เวลาที่จะเริ่มดำเนินการ
จากนั้น ผลกระทบต่อตลาดจะขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาตีความถึงแนวทางปฏิบัติเรื่องนโยบายที่เคร่งครัดขึ้นในอนาคตว่าอย่างไรและจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาตั้งเป้าว่าจะดำเนินการกับงบดุลที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าธนาคารกลางส่วนใหญ่ทำให้เพิ่มขึ้นหลังสถานการณ์โรคระบาด ผมคิดว่าพวกเขาอาจมีท่าทีที่ต้องการควบคุมอัตราเงินเฟ้อหากพิจารณาถึงระดับอัตราเงินเฟ้อสูง ซึ่งอาจเป็นบวกต่อ CAD แต่ก็จะขึ้นอยู่กับความรู้สึกเรื่องความเสี่ยงในภาพรวมเช่นเดียวกัน
Fed จะออก “สรุปความเห็นเรื่องสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน” หรือที่เรียกว่า The Beige Book ซึ่งจะออกมาสองสัปดาห์ก่อนการประชุม FOMC ครั้งต่อไปเสมอ จึงมีความสำคัญต่อตลาดอย่างยิ่งเนื่องจากย่อหน้าแรกของแถลงการณ์หลังการประชุม FOMC แต่ละครั้งมีแนวโน้มที่จะสะท้อนถึงท่าทีที่ Beige Book มีต่อเศรษฐกิจ แม้ในเอกสารจะไม่มีตัวเลขใดๆ ที่บอกจำนวนข้อมูล แต่บริษัทวิเคราะห์หลายแห่งได้คำนวณ “ดัชนี Beige Book” โดยนับว่าคำต่างๆ ปรากฎขึ้นกี่ครั้ง เช่น “ไม่แน่ใจ” อย่างไรก็ตาม หนังสือจะให้ข้อมูลเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเป็นหลัก ดังนั้น คุณจะต้องจับตาดูตัวเลขทั่วไปที่จะประกาศออกมา
ในช่วงกลางคืน คาดว่ายอดอนุมัติการก่อสร้างของออสเตรเลียจะลดลงบ้างหลังจากที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งถึง +8.2% ในเดือนธันวาคม ซึ่งอาจดูเหมือนจะไม่ดี แต่ก็ดึงให้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 6 เดือนเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก -1.2% เป็น -0.3% ดังนั้น จึงไม่ควรส่งผลบวกหรือลบต่อ AUD เป็นอย่างน้อย
นอกจากนี้ ออสเตรเลียจะประกาศดุลการค้า โดยคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือเนื่องจากไม่ได้มีการปรับค่าตามฤดูกาล ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 12 เดือนของการคาดการณ์ดังกล่าวควรปรับตัวลดลงเล็กน้อย
การเกินดุลการค้าที่ลดลงก็เป็นเรื่องที่ทำให้ผมแปลกใจเพราะราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในเดือนมกราคม
ดังนั้น อัตราการค้าจึงควรดีขึ้นเช่นกัน
คำตอบจะต้องเป็นเพราะยอดขายในต่างประเทศไม่ได้เพิ่มขึ้นสูงมากเนื่องจากการส่งออกค่อนข้างคงที่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ในทางกลับกัน การนำเข้าพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากมีการคลายข้อจำกัด ประชาชนจึงสามารถกลับไปช้อปได้
มาถึงช่วงท้าย Junko Nakagawa สมาชิก Bank of Japan Policy Board จะแถลงการณ์ Nakagawa-san เป็นสมาชิกผู้หญิงที่ถูกคัดเลือกมาเพื่อทำให้ Policy Board มีความหลากหลายซึ่งโดยปกติจะมีผู้หญิงเพียงคนเดียวในคณะกรรมการแต่ละครั้ง ผมชอบเธอเพราะเธอไม่ได้จบปริญญาด้านเศรษฐศาสตร์และแน่นอนว่าเธอไม่ได้จบ Ph.D. โดยเธอเรียนจบเพียง B.A. in Literature เท่านั้น (ของผมเป็นด้านประวัติศาสตร์) เธอฝ่าฟันจนได้เป็นประธานฝ่ายบริหารของ Nomura Asset ในบริษัท Nomura Securities ซึ่งเป็นองค์กรที่ค่อนข้างเคร่งครัด และเธอก็ได้เข้าเป็น BoJ Board ในเดือนมิถุนายนเมื่อปีที่แล้ว
มีคนบอกว่าเธอมีมุมมองแทบจะเหมือนกับผู้ว่าการ Kuroda มาก ดังนั้น ผมจึงไม่คาดว่าจะได้รับข้อมูลที่แตกต่างจากเธอ แต่ครั้งล่าสุดที่เธอพูดเมื่อเดือนพฤศจิกายน เธอได้กล่าวว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้น “แรงกดดันในทิศทางขาขึ้นกำลังมากขึ้นเล็กน้อย” เธอกล่าว ผมสงสัยว่าเธอและเพื่อนร่วมงานกำลังมองประเด็นนี้อย่างไรในขณะนี้ เพราะราคาอาหารและสินค้าพลังงานได้ปรับตัวขึ้นทั่วโลก และในเดือนเมษายน ผลกระทบจากการเลิกลดค่าใช้บริการโทรศัพท์มือถือจะหยุดทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงและควรเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า แล้ว BoJ จะรับมืออย่างไร