อัตรา ณ เวลา 05:00 GMT
ตลาดวันนี้
หมายเหตุ:ตารางข้างต้นได้รับการอัพเดทก่อนการประกาศข้อมูลการสำรวจเงินเฟ้อคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญครั้งล่าสุด อย่างไรก็ตาม เราได้จัดเตรียมข้อความและกราฟไว้ล่วงหน้า ดังนั้นการคาดการณ์ที่ระบุไว้ในตารางข้างต้นกับในข้อความและกราฟอาจแตกต่างกัน
วันทำการของสหภาพยุโรปเริ่มต้นด้วย GDP ไตรมาส 4 ของเยอรมนีหรือจะพูดให้ถูกต้องยิ่งขึ้นก็คือ GDP ไตรมาส 4 จากเยอรมนี ฝรั่งเศสและสเปน แม้ว่าผมจะสนใจแค่เยอรมนีก็ตาม โดยได้ประกาศตัวเลข GDP เบื้องต้นของปี 2021 ซึ่งคาดว่ามีการหดตัว 0.5%-1.0% ระหว่างไตรมาส จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญในตลาดแปลกใจเพราะคาดว่าจะหดตัวน้อยกว่านี้ที่ 0.3% เท่านั้น GDP ไตรมาส 4 ของฝรั่งเศสคาดว่าจะอยู่ที่ +0.5% qoq และสเปน +1.4% qoq จึงดูเหมือนว่าการเติบโตของยูโรโซนในภาพรวมเป็นบวกแม้ตัวเลขของเยอรมนีจะเป็นลบซึ่งอาจสะท้อนถึงการพึ่งพาอุปสงค์ภายนอกของเยอรมนี
จากนั้น European Central Bank (ECB) จะประกาศข้อมูลปริมาณเงินซึ่งไม่เกี่ยวข้องเท่าไหร่ในขณะนี้ โดยมีเพียงนักเศรษฐศาสตร์ที่จริงจังมากเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสนใจ แต่ตัวเลขสินเชื่อของธนาคารอาจส่งผลกระทบบางอย่างต่อนโยบาย สินเชื่อของธนาคารกำลังฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ โดยบริษัทนอกภาคการเงินมีสัดส่วนการกู้ยืมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการ
ในเวลาทำการของสหรัฐฯ เราจะได้รับข้อมูลรายได้และรายจ่ายส่วนบุคคลของสหรัฐฯ ซึ่งมาพร้อมดัชนีรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE)
ดัชนี PCE ที่ไม่ใช่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เป็นเกณฑ์วัดเงินเฟ้อที่ Fed สนใจมากกว่า อย่างไรก็ตาม ตลาดดูเหมือนจะสนใจ CPI มากกว่าดังที่แสดงตามค่าความเกี่ยวข้องของ Bloomberg ที่ค่อนข้างต่ำสำหรับดัชนี PCE (60.1 เป็นตัวเลขสูงสุดเทียบกับ 96.1 สำหรับ CPI) ทั้งนี้ ดัชนี PCE แสดงถึงความเชื่อมโยงกับความเคลื่อนไหวของอัตราแลกเปลี่ยนในภายหลังมากกว่าตัวเลขรายได้และรายจ่ายส่วนบุคคลเป็นอย่างมาก ดังนั้น ดัชนี PCE จึงเป็นค่าที่ผู้มีส่วนร่วมในตลาดควรจับตามองมากกว่า
ผมคาดว่าดัชนี PCE จะปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยอ้างอิงจากค่าใช้จ่ายด้านการดูแลสุขภาพที่สูงขึ้นในดัชนีราคาผู้ผลิตรวมถึงค่าอื่นๆ ที่ใช้คำนวณ CPI (CPI เดือนธันวาคมปรับตัวขึ้นไปที่ 7.0% yoy จาก 6.8%) การที่ดัชนี PCE พื้นฐานซึ่งเป็นเกณฑ์วัดเงินเฟ้อที่ Fed สนใจมากกว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นไปยังระดับสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี (5.1% ในเดือนกันยายน 1983) ควรสัมพันธ์กับการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมีนาคม จึงสันนิษฐานว่าตลาดหุ้นจะไม่ดิ่งลงก่อนหน้านั้น
ในขณะเดียวกัน คาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น (เพียงเล็กน้อย) แต่รายจ่ายจะลดลงเป็นอย่างมาก
แต่ไม่ต้องรู้สึกแย่เกินไปสำหรับชาวอเมริกาส่วนมาก ในการคาดการณ์เหล่านี้ รายได้จะอยู่ที่ 10.7% ซึ่งสูงกว่าระดับก่อนที่จะเกิดการระบาด…
…ขณะที่รายจ่ายสูงกว่า 10.5%
นอกจากนี้ ข้อมูลเหล่านี้ที่แสดงถึงระดับรายได้ที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ อาจทำให้ Fed ตั้งใจที่จะใช้นโยบายซึ่งเคร่งครัดมากขึ้น จึงเป็นผลบวกต่อค่าเงินดอลลาร์
ดัชนีค่าจ้างแรงงาน (ECI) เป็นตัวชี้วัดรายไตรมาสที่ผมหยุดนำมาพิจารณาเพราะดูเหมือนว่าจะไม่สำคัญสำหรับตลาด FX อย่างไรก็ตาม ผมตัดสินใจที่จะเริ่มกลับมาพิจารณาอีกครั้งเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อเป็นความกังวลครั้งใหญ่ในทุกวันนี้และค่าแรงก็เป็นส่วนสำคัญในสถานการณ์เงินเฟ้อ แต่ไม่ใช่แค่ค่าแรง ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวกับการจ้างแรงงาน เช่น ประกัน ภาษีค่าจ้าง ค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้รวมอยู่ใน ECI
ผมคาดว่า ECI จะปรับตัวลดลงเล็กน้อยตาม mom
อย่างไรก็ตาม อัตราการเปลี่ยนแปลงแบบ mom อาจเปลี่ยนเป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.4% ซึ่งเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ 20 ปีที่ต่อเนื่องกันนี้ แม้อาจฟังดูแย่ แต่อย่าลืมว่าการคาดการณ์ดัชนี PCE ของวันนี้อยู่ที่ 5.8% ต่อปี หมายความว่าผู้คนจะยังคงมีอำนาจซื้อลดลงซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ควรตระหนักถึง จึงอาจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะผันแปรของราคา/ค่าแรง หรืออาจเป็นการยืนยันกับ Fed ว่าในที่สุดแล้ว แรงงานอาจกำลังกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งและพวกเขาจะทำให้เศรษฐกิจกลับมาร้อนแรงในบางช่วง ผมคิดว่าหาก ECI ต่ำกว่าดัชนี PCE ก็จะไม่มีใครวิตกกังวล
จากนั้น เราก็จะสามารถผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับช่วงสุดสัปดาห์ โดยบางทีอาจใช้เวลาอ่านรายงาน Commitments of Traders เมื่อรายงานออกมา
กลางดึกวันอาทิตย์ตามเวลายุโรปหรือเช้าวันจันทร์ตามเวลาเอเชีย จีนจะประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้ออย่างเป็นทางการ (PMI) ขณะที่ Markit ก็จะประกาศ PMI ภาคการผลิตที่ตนเองคำนวณ โดยคาดว่าตัวเลขทั้งคู่จะอยู่ที่ประมาณเส้น 50 ซึ่งเป็นเส้นที่อาจจะ “ดีหรือร้าย” (อันที่จริง ผมใช้เวลาไม่กี่นาทีในการพยายามคำนวณสิ่งที่เป็นปัญหาด้วย Excel ที่ผมไม่ได้เห็นจุดทั้งหมดก่อนที่ผมจะนึกขึ้นได้ว่าเพราะจุดเหล่านั้นทับซ้อนกัน) นอกจากนี้ ผมคาดว่าภาคบริการจะแสดงตัวเลขที่ปรับตัวลดลงแรงเนื่องจากการล็อกดาวน์ที่รัฐบาลได้ประกาศออกมาเพื่อกำจัดการระบาด
