อัตรา ณ เวลา 05:00 GMT
ตลาดวันนี้
หมายเหตุ: ตารางข้างต้นได้รับการอัพเดทก่อนการประกาศข้อมูลการสำรวจเงินเฟ้อคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญครั้งล่าสุด อย่างไรก็ตาม เราได้จัดเตรียมข้อความและกราฟไว้ล่วงหน้า ดังนั้นการคาดการณ์ที่ระบุไว้ในตารางข้างต้นกับในข้อความและกราฟอาจแตกต่างกัน
วันนี้เป็นวันที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับตลาด โดยจะมีเหตุการณ์สำคัญสองอย่าง ได้แก่ 1) การประชุม European Central Bank (ECB) และ 2) การประกาศดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ
ผมได้เขียนถึงทั้งสองเรื่องนี้ในมุมมองรายสัปดาห์หัวข้อ ภาวะเศรษฐกิจชะงักงัน? ดังนั้น ผมจึงจะสรุปถึงสิ่งที่ผมพูดถึงในรายงานดังกล่าว
สำหรับ ECB คำถามสำคัญก็คือพวกเขาจะหารือกันว่าการสู้รบในยูเครนจะกระทบต่อภาพรวมของเงินเฟ้อได้มากน้อยเพียงใดในงานประชุมครั้งนี้ ซึ่งผลกระทบยังไม่ชัดเจนนัก ในอีกแง่หนึ่ง การที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นโดยเฉพาะน้ำมันและแก๊สส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นและปรับตัวสูงขึ้นนานกว่าที่คาด แต่ในอีกแง่หนึ่ง ความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจากการสู้รบรวมถึงการที่ราคาสินค้าและพลังงานปรับตัวสูงขึ้นซึ่งกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคทำให้เศรษฐกิจอ่อนแอลง ดังนั้น พวกเขาจะใช้นโยบายเชิงเข้มงวดหรือผ่อนคลาย?
ซึ่งพวกเขาจะให้การคาดการณ์ของคณะผู้ทำงานใหม่ในการประชุมครั้งนี้ ในเวลาปกติ หากการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อของปี 2024 ที่สำคัญจะมีเป้าหมายอยู่ที่อย่างน้อย 2% ซึ่งอาจทำให้เริ่มต้นใช้การดำเนินนโยบายทางการเงินเพื่อให้กลับสู่สภาวะปกติ
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ พวกเขามีแนวโน้มที่จะหยุดใช้การดำเนินนโยบายทางการเงินเพื่อให้กลับสู่สภาวะปกติชั่วคราวขณะที่รอดูว่าสถานการณ์ในยูเครนจะเป็นอย่างไร ซึ่งอาจหมายความว่าการดำเนินนโยบายทางการเงินเพื่อให้กลับสู่สภาวะปกติอาจล่าช้าออกไป แต่ไม่ได้หยุดไปเลย
ดังนั้น ปฏิกิริยาของตลาดมีแนวโน้มที่จะขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาพูดเกี่ยวกับการสู้รบและสถานการณ์มีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อเพียงใด ผมคาดว่าพวกเขาจะย้ำว่าการตัดสินใจดังกล่าวจะต้องขึ้นอยู่กับระยะเวลาและขอบเขตความขัดแย้งของยูเครน ซึ่งไม่มีใครมีข้อมูลเชิงลึกที่เชื่อถือได้ ในมุมมองของผม ความล่าช้าที่จะ “ปรับขึ้นดอกเบี้ย” มีแนวโน้มที่จะทำให้เงินยูโรอ่อนค่าลงอีก
ส่วน CPI ของสหรัฐฯ คาดว่าจะขยายตัวเป็น 7.8% ในแต่ละเดือน เราจะต้องย้อนกลับไปดูข้อมูลหนึ่งเดือนหรือสองเดือนที่แล้วเพื่อบอกว่า “นี่คืออัตราเงินเฟ้อสูงสุดตั้งแต่…” และในเดือนที่แล้ว เราบอกว่านี่คืออัตราเงินเฟ้อสูงสุดตั้งแต่กุมภาพันธ์ 1982 (7.6%) ส่วนในเดือนนี้ คาดว่าจะเป็นอัตราสูงสุดตั้งแต่มกราคม 1982 (8.4%)
โดยมีการรายงานแบบนี้หนึ่งสัปดาห์ก่อนการประชุมเพื่อกำหนดอัตราดอกเบี้ยของ Federal Open Market Committee (FOMC) และจะมีต่อไปเรื่อยๆ เพื่อกำหนดท่าทีของการประชุมดังกล่าว แต่ Powell ประธาน Fed ได้บอกสภาคองเกรสไปแล้วว่าอาจจะเสนอให้ขึ้นดอกเบี้ย 25 bps ในการประชุมดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากตัวเลขเป็นไปตามคาด (ตามปกติ: ดีกว่าที่คาด 8 ครั้ง ตรงตามคาด 4 ครั้ง พลาด 1 ครั้งตั้งแต่มกราคม 2021) ก็อาจเพิ่มความคาดหวังที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงหลังของปีซึ่งอาจเป็นผลดีต่อค่าเงินดอลลาร์
กราฟแสดงถึงปฏิกิริยาที่ EUR/USD มีต่อค่าดังกล่าว แต่ USD/JPY อาจจะเป็นคู่สกุลเงินที่ดีที่สุดที่จะเทรดหากคุณสนใจ โดยเฉพาะครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมงหลังการประกาศข้อมูล โปรดทราบว่าทั้ง EUR/USD จะปรับตัวเพิ่มขึ้นและลดลงเมื่อเกิดความผิดคาดในเชิงบวก ซึ่งหมายความว่าการเทรดอาจไม่ได้กำไรหากสันนิษฐานว่าตัวเลขจะออกมาสูงกว่าคาดเท่านั้น = USD+ โดยเฉพาะหลังจาก 30 นาที
วันนี้เป็นวันแรกของการประชุมสุดยอดยุโรปสองวัน เคานต์ทิลยุโรปกล่าวว่า
การประชุมสุดยอดจะหารือ
มีผลลัพธ์ที่สำคัญสองประการที่เรากำลังมองหาจากการประชุมครั้งนี้:
1) แผนการลดการพึ่งพาน้ำมันและก๊าซของรัสเซียและ
2) แผนสำหรับปัญหาใหญ่ของพันธบัตรทั่วสหภาพยุโรปเพื่อกองทุนพลังงานและ
การใช้จ่ายด้านการป้องกัน
เรารอการแถลงข่าวในตอนท้ายของการประชุมในวันพรุ่งนี้เพื่อฟังสิ่งที่พวกเขา
ต้องพูดเกี่ยวกับปัญหาเหล่านี้
การขอรับสวัสดิการว่างงานเบื้องต้นของสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 4k หลังจากปรับตัวลดลง 18k ในสัปดาห์ที่ผ่านมา จริงๆ แล้ว ตัวเลขดังกล่าวเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเท่านั้นและไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป
หลังจากนั้น จะมีการประกาศข้อมูลชี้วัดที่สำคัญ เมื่อพิจาณาค่าความเกี่ยวข้องของ Bloomberg คุณอาจคิดว่าค่าอาหารของนิวซีแลนด์มีความสำคัญ แต่นั่นเป็นเพราะ CPI มีค่าอาหารเป็นสัดส่วนสูงและผู้คนที่มีพันธบัตรที่สัมพันธ์กับเงินเฟ้อจะกังวลกับตัวเลขดังกล่าว
ดังนั้น เราจะรอจนถึงเช้าวันศุกร์และวันประกาศข้อมูลชี้วัดระยะสั้นของสหราชอาณาจักรซึ่งจะมีการประกาศข้อมูลชี้วัดจำนวนมากที่จะช่วยให้เราตัดสินใจเรื่องทิศทางเศรษฐกิจในอนาคตอันใกล้ได้
ก่อนอื่น ข้อมูลตัวแรกจะเป็นตัวเลข GDP รายเดือนของสหราชอาณาจักร
โดยโมเมนตัมการเติบโตกำลังชะลอตัวลงเมื่อสิ้นปีเพราะการกลายพันธุ์ของโอไมครอนยังคงเป็นตัวถ่วงและตลาดคาดว่าตัวเลขที่ออกมาในเดือนมกราคมจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น รายจ่ายเพื่อการบริโภคของครัวเรือนชะลอตัวลงเนื่องจากค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้นผนวกกับการลงทุนทางธุรกิจที่ยังคงค่อนข้างซึมเซา ท้ายที่สุด การเติบโตบางส่วนจะเกิดจากค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการทดสอบและการฉีดวัคซีนที่ลดลงเช่นกัน
ผมยังคงคิดว่าหากข้อมูลที่ออกมาไม่ได้หดตัวในเดือนมกราคม ผู้คนจะคาดหวังถึงการรีบาวนด์ที่แรงขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อข้อจำกัดของ “แผนสอง” ออกมาและ Bank of England มีแนวโน้มที่จะคงนโยบายแบบเข้มงวดซึ่งน่าจะเป็นผลบวกต่อ GBP
ทั้งผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและผลผลิตภาคการผลิตคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียง +0.1% mom (ดังนั้นในกราฟจึงมองเห็นเพียงจุดเดียว) โดยสะท้อนถึงการรีบาวนด์ที่ชะลอตัว
คาดว่าตัวเลขการค้าจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
โดยอาจจะต่างจากการคาดการณ์เล็กน้อยเว้นแต่ตัวเลข GDP จะต่างจากที่คาดเป็นอย่างมากไม่ว่าในทิศทางใดก็ตาม ซึ่งอาจจะไม่ส่งผลใดๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงการคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 25 bps ในการประชุมของ Bank of England ในวันพฤหัสบดีหน้า แต่อาจกระทบต่อการคาดการณ์ในการประชุมเดือนพฤษภาคมซึ่งขณะนี้กำลังคำนวณว่ามีโอกาสสูงที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 50 bps