ค่าความเสี่ยงต่ำ, ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นช่วยกระตุ้นสกุลเงินของสินค้าโภคภัณฑ์ CPI ของสหรัฐอเมริกา, GDP ของสหราชอาณาจักร

Google+ Pinterest LinkedIn Tumblr +

อัตรา ณ เวลา 05:00 GMT

ตลาดวันนี้

หมายเหตุ:  ตารางข้างต้นได้รับการอัพเดทก่อนการประกาศข้อมูลการสำรวจเงินเฟ้อคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญครั้งล่าสุด อย่างไรก็ตาม เราได้จัดเตรียมข้อความและกราฟไว้ล่วงหน้า ดังนั้นการคาดการณ์ที่ระบุไว้ในตารางข้างต้นกับในข้อความและกราฟอาจแตกต่างกัน

วันทำการของยุโรปจะเริ่มต้นด้วยแถลงการณ์จำนวนมาก แต่ไม่มีเรื่องไหนสำคัญ Lane หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ECB Chief จะแถลงมุมมองว่าการที่ห่วงโซ่อุปทานอาจกลับสู่ภาวะปกติอย่างรวดเร็วจะเป็นสัญญาณว่าเขาคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะยังคงสูงกว่าเป้ายาวนานเท่าใด แต่ก็มีเรื่องที่จะพูดเพียงแค่นี้ ในช่วงบ่ายของยุโรป Bailey ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษ จะพูดในเวลาอาหารค่ำและอาจจะแก้ไขสิ่งที่เขาพูดแย่ๆ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยเขาเคยพูดว่าคนเราควรหักห้ามใจเรื่องการเจรจาเกี่ยวกับเงินเดือน ซึ่งบางทีอาจเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาเพราะเขามีรายได้ GBP 500k ต่อปี นอกจากนี้ Lowe ผู้ว่าการ RBA จะแถลงต่อคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาด้านเศรษฐกิจ โดยบางทีอาจอธิบายถึงเหตุผลที่เขาและคณะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ศูนย์ในปัจจุบันแม้เงินเฟ้อจะสูงกว่าเป้า

จากนั้น เมื่อสหรัฐฯ เปิดทำการ ในช่วงแรก เราจะได้รับดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นข้อมูลทั่วไปที่สำคัญของสัปดาห์ ในทางทฤษฏี ข้อมูลดังกล่าวไม่ควรสำคัญมากเท่ากับดัชนีรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นสิ่งที่ Fed ใช้เพื่อกำหนดเงินเฟ้อ แต่ในทางปฏิบัติ ข้อมูลนี้เป็นสิ่งที่ตลาดให้ความสนใจสูงสุด

ทั้งนี้ ผมคาดว่าตัวเลขจะออกมาไม่ดีโดยจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.3% yoy โดยคาดว่าสินค้าพลังงานและอาหารทั้งหมดที่เป็นอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งหมด

และเราก็ไม่สามารถปฏิเสธผลกระทบเบื้องต้นได้ หากเราพิจารณาการเปลี่ยนแปลงสามเดือนแบบรายปีเพื่อให้เข้าใจเทรนด์อัตราเงินเฟ้อระยะสั้น เราคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะชะลอตัวลงแต่คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะปรับตัวสูงขึ้นอีก

จะเกิดอะไรขึ้นกับค่าเงินดอลลาร์หลังประกาศ CPI กราฟแสดงความเคลื่อนไหวโดยเฉลี่ยของ EUR/USD ก่อนและหลังประกาศ CPI โดยแสดงถึงการสูงกว่าประมาณการหกครั้งล่าสุด การต่ำกว่าประมาณการหกครั้งล่าสุดและการตรงตามประมาณการหกครั้งล่าสุด น่าแปลกที่ EUR/USD มีแนวโน้มจะอยู่ในเทรนด์ขาลง (กล่าวคือเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น) ไม่ว่าดัชนีจะต่ำหรือสูงกว่าประมาณการ! ซึ่งอาจเป็นเพราะหลังจากนั้น ตลาดตัดสินใจว่าถึงตัวเลขจะพลาดประมาณการ แต่ก็อาจจะสูงพอที่จะทำให้ Fed เริ่มใช้นโยบายที่เคร่งครัดขึ้นในท้ายที่สุด

การที่ EUR/USD ปรับตัวเพิ่มขึ้นในทางตรงกันข้ามอย่างเป็นธรรมชาติหลังวันที่ตัวเลขออกมาดีกว่าคาด (ตามปกติแล้ว คุณจะคาดว่า EUR/USD จะปรับตัวลดลง) เป็นเพราะผลกระทบจากข้อมูลหนึ่งเดือนที่มากเป็นพิเศษเป็นส่วนใหญ่ มิฉะนั้น ก็อาจจะมีการเคลื่อนไหวตามปกติเช่นที่คุณคาด

สำหรับเทรดเดอร์ระยะสั้น ดูเหมือนจะเป็นความเกี่ยวพันที่ค่อนข้างดีระหว่างความน่าประหลาดใจของดัชนี (ส่วนต่างระหว่างการคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญในตลาดและตัวเลขจริง) กับความเคลื่อนไหวของค่าเงินหลังประกาศข้อมูลทันที โดยความน่าประหลาดใจทำให้ค่าเงินเคลื่อนไหว 69% ในห้านาทีแรกหลังประกาศข้อมูล ซึ่งความแตกต่างยังคงเกิดขึ้นยาวนานจนถึงชั่วโมงต่อมาอีกด้วย (ไม่ได้แสดงในภาพ)

หลังจากนี้ เหตุการณ์สำคัญครั้งต่อไปสำหรับผู้จับตาดู Fed ก็คือการประกาศรายงานการประชุมของการประชุม FOMC ประจำเดือนมกราคมในวันพุธหน้า (16 ก.พ.)

การขอรับสวัสดิการว่างงานเบื้องต้น อาจจะแย่ลงบางส่วนเพราะสหรัฐฯ กำลังมี “การจ้างงานเต็มกำลัง” อย่างไรก็ตาม การปรับตัวดีขึ้นของตัวเลขดังกล่าวตามที่ตลาดคาดอาจเพิ่มผลกระทบที่เงินเฟ้อจะสูงขึ้นและผลักดันให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น

วันทำการของสหรัฐฯ ก็จบลง

ในช่วงกลางคืน เราจะได้รับ PMI ภาคการผลิตทางธุรกิจของนิวซีแลนด์ ซึ่งไม่มีการคาดการณ์แต่มีกราฟหากคุณสนใจ เราจะได้รับข้อมูลชี้วัดไม่กี่อย่างจากนิวซีแลนด์จนผมคิดว่าผมจะไม่กล่าวถึงในบางโอกาส

วันนี้เป็นวัน Foundation Day ซึ่งเป็นวันหยุดของญี่ปุ่น เพื่อระลึกถึงจักรพรรดิญี่ปุ่นพระองค์แรก ได้แก่ จักรพรรดิ Jimmu แต่หลักฐานของจริงที่แสดงว่าเขามีตัวตนนั้นมีน้อยกว่าหลักฐานว่าเขาขึ้นครองราชย์ในวันนี้เป็นอย่างมาก ผมอยากจะบอกว่าผมอยู่ในญี่ปุ่นมา 18 ปีและไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับวันหยุดดังกล่าว โดยเป็นเพียงวันหนึ่งวันที่ผมไม่ต้องไปทำงานเพราะเหตุใดเหตุหนึ่ง ญี่ปุ่นมีวันหยุดราชการประจำปีมากกว่าประเทศส่วนใหญ่ แต่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจว่าวัดหยุดคืออะไร

จากนั้น ในช่วงเช้าของยุโรป ก็จะเป็นวันประกาศข้อมูลชี้วัดระยะสั้นของสหราชอาณาจักร ที่เรียกเช่นนี้เพราะว่าจะมีการประกาศข้อมูลชี้วัดหลายรายการซึ่งให้แนวคิดว่าเศรษฐกิจในระยะสั้นน่าจะเป็นไปในทิศทางใด ข้อมูลดังกล่าวได้แก่ ข้อมูลการค้า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม/ผลผลิตภาคการผลิต และ GDP ประจำไตรมาส 4 ที่เป็นดาวเด่นประจำเดือน ตลาดกำลังหวังว่าตัวเลขจะเป็น +1.1% qoq เหมือนกับในไตรมาส 3 ตามรายงานนโยบายทางการเงินประจำเดือนกุมภาพันธ์ของสหราชอาณาจักร GDP ได้บวก 1.1% เป็นเวลาสามเดือนจนถึงเดือนพฤจิกายน แต่กลับปรับตัวลดลงในเดือนธันวาคมและมกราคมเนื่องจากภาวะโรคระบาด ผมจึงคิดว่าตัวเลข 1.1% อาจมองโลกในแง่ดีไปเล็กน้อย

ตัวเลข GDP ประจำเดือนธันวาคมจะเป็นที่สนใจอย่างมากเพราะจะวัดผลกระทบจากโอไมครอนและข้อจำกัดการเติบโตตามมาตรการใน ‘แผนสอง’ ทั้งนี้ ตลาดคาดว่าจะมีการหดตัว 0.5% mom

ในกรณีที่ตลาดดูเหมือนจะเห็นด้วยกับธนาคารว่ากิจกรรมมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวในปีนี้ ธนาคารจะใช้ “การผลักดันด้วยการเติบโตของอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง” ซึ่่งน่าจะเป็นเช่นนั้นเมื่อพิจารณาว่าธนาคารกำลังขึ้นอัตราดอกเบี้ยขณะที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงถึง 7.25% จากการคำนวณของธนาคาร รายได้ของแรงงานหลังหักภาษีตามจริงซึ่งบางทีอาจเป็นการวัดมาตรฐานการครองชีพที่ดีที่สุดเนื่องจากสาเหตุด้านการขึ้นภาระทางภาษีรวมถึงเงินเฟ้อและรายได้นั้นจะปรับตัวลดลง 2% ในปี 2022 โดยเป็นการปรับตัวลดลงมากที่สุดตั้งแต่มีการบันทึกไว้ในปี 1990

ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและผลผลิตภาคการผลิต คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเช่นกันที่ 0.1% mom ซึ่งเป็นตัวอธิบายเหตุผลที่ในกราฟมองเห็นเพียงจุดเดียว

การขาดดุลการค้าของสหราชอาณาจักรคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยแต่การเกินดุลการค้าในภาพรวม (รวมถึงภาคบริการ) คาดว่าจะพลิกสถานการณ์ให้ขาดดุลเพียงเล็กน้อย

การเกินดุลบริการของสหราชอาณาจักรเพิ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ผมสงสัยว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะยาวนานแค่ไหน

การปรับตัวดีขึ้นดูเหมือนจะเกิดจากสามสถานการณ์เป็นส่วนใหญ่ ได้แก่ 1) การขาดดุลจากการท่องเที่ยวหมดไปเนื่องจากไม่มีใครสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ (ดูเหมือนจะเป็นเพราะไวรัสมากกว่า Brexit) และ 2) การเกินดุลจาก “อุปกรณ์โทรคมนาคม คอมพิวเตอร์และสารสนเทศ” และ “บริการทางธุรกิจอื่นๆ” ที่กำลังเติบโตขึ้น ในทางกลับกับ การมีส่วนร่วมของ “ภาคการเงิน” ซึ่งในอดีตเคยเป็นภาคที่มีสัดส่วนสูงสุดในการเกินดุลของภาคบริการกลับกำลังลดลงและในขณะนี้ก็ถูกแซงโดย “บริการทางธุรกิจที่เหลือ”

การค้าเป็นจุดอ่อนของค่าเงินปอนด์ ประเทศขาดดุลการค้าเป็นเวลานาน จึงต้องดึงดูดการลงทุนเพื่อให้ค่าเงินปอนด์มีเสถียรภาพ

ผมไม่เคยสนใจตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจของสวิสมากนักเนื่องจาก Swiss National Bank (SNB) เข้าควบคุมตั้งแต่ปี 2015 จึงไม่มีประเด็นมากเท่าไหร่ แต่เพราะตลาดกำลังเริ่มให้ราคากับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ SNB ดังนั้นผมจึงต้องหันมาสนใจ  ดัชนีราคาผู้บริโภคของสวิสคาดว่าจะคงที่จากเดือนที่ผ่านมา ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ yoy ก็คาดว่าจะคงที่เช่นกัน โดยยังคงต่ำกว่าเป้า 2% ของ SNB จึงยังไม่มีอะไรน่ากังวล ซึ่งอาจช่วยยืนยันความคิดของธนาคารว่าพวกเขาทำถูกแล้วที่ไม่เข้าไปแทรกแซงและปล่อยให้ CHF แข็งค่าขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดเงินเฟ้อ ดังนั้นจึงส่งผลดีต่อ CHF เล็กน้อย

Share.
คำเตือนความเสี่ยง: การเทรดฟอเร็กซ์/CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นมีการเก็งกำไรสูงและมีความเสี่ยงสูง การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงทั่วไป