JPY ปรับตัวขึ้นหลัง BoJ ออกนโยบายเข้มงวด | จับตายอดขายปลีกสหรัฐฯ, GDP จีน

Google+ Pinterest LinkedIn Tumblr +

ตลาดวันนี้

หมายเหตุ: ตารางด้านบนได้รับการอัปเดตก่อนเผยแพร่ด้วยการคาดการณ์ล่าสุดจากผู้เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตามข้อความและกราฟได้ถูกจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นจึงอาจมีความคลาดเคลื่อนระหว่างการคาดการณ์ที่ระบุในตารางด้านบนและการคาดการณ์ที่ระบุในข้อความและกราฟ

เราได้พูดคุยเกี่ยวกับตัวชี้วัดระยะสั้นของสหราชอาณาจักรไปเมื่อวานนี้ โดยในประเด็นดังกล่าว สิ่งที่ต้องพูดถึงคือ

ตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ที่ต้องเฝ้าจับตา ซึ่งตัวเลขดังกล่าวมีความสำคัญเพราะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ (ประมาณ 70%) เป็นการบริโภคของภาคเอกชน ซึ่งยอดค้าปลีกคิดเป็น 40% นั่นหมายถึงยอดค้าปลีกคิดเป็นประมาณ 28% ของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

จากการประมาณการของตลาดคาดว่าตัวเลขจะปรับลดลงเล็กน้อยตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ซึ่งไม่ใช่เดือนที่ดีเช่นกัน อาจไม่ได้เป็นเพราะการขาดอุปสงค์ แต่การขาดแคลนรถยนต์ที่จะขายเนื่องจากปัญหาคอขวดของไมโครชิปนั้นส่งผลให้ยอดขายลดลง

แต่ถึงแม้จะไม่รวมรถยนต์ ตัวเลขคาดการณ์ก็ไม่ได้น่าประทับใจเท่าไหร่นัก โดยตัวเลขที่อยู่ในระดับต่ำเช่นนี้อาจส่งผลลบต่อเงินดอลลาร์ แม้เราจะมองว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้นก็ไม่ได้ส่งผลดีต่อสกุลเงินดังกล่าวเช่นกัน

ประธานาธิบดี Lagarde ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะกล่าวต่อการประชุมของหน่วยงานรัฐสภาที่เชี่ยวชาญด้านกิจการประชาคม (โดย “ประชาคม” ในที่นี้ ผมคิดว่าพวกเขาหมายถึง “ประชาคมยุโรป”) ผมไม่พบรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับแถลงการณ์นี้ คำถามคือเธอจะกล่าวอะไรหลังจากที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์สู่ระดับ 5.0% yoy ซึ่ง Lane หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ECB วิตกกับราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นและตั้งข้อสังเกตว่าหากไม่รวมพลังงานและอาหาร ดัชนีก็จะเพิ่มขึ้นเพียง 2.6% yoy เท่านั้น นอกจากนี้พวกเขายังคาดการณ์ว่าราคาจะชะลอตัวต่อไปอีก หากผลการดำเนินงานในอดีตเป็นสิ่งที่ต้องไปต่อ Lagarde จะสะท้อนความคิดเหล่านี้และผลักดันราคาตลาดด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งเดียวในปี 2022

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนคาดการณ์ว่าจะปรับลดลงเล็กน้อย ผมคิดว่าค่อนข้างดี เมื่อพิจารณาทุกอย่างแล้วดัชนีความเชื่อมั่นในอีก 6 เดือนข้างหน้าก็คาดการณ์ว่าจะลดลงเช่นกัน แต่คาดว่าจะไม่ต่ำกว่าระดับต่ำสุดก่อนหน้านี้แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของสายพันธุ์โอมิครอนทั่วสหรัฐอเมริกา บางทีนี่อาจแสดงให้เห็นถึงการมองโลกในแง่ดีและการพึ่งพาอาศัยกันของสหรัฐฯ และก็อาจแสดงให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในประเทศ

การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในหนึ่งปีคาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ระดับ 4.8% นั่นน่าจะเป็นข่าวดีตรงที่แสดงถึงการคาดการณ์เงินเฟ้อที่ทรงตัวและไม่กลายเป็นสภาวะ “ศูนย์เสียการควบคุม” ซึ่งเป็นความเป็นไปได้ที่สร้างความหวาดกลัวในใจของสมาชิกธนาคารกลาง

สุนทรพจน์ของ Williams ประธาน Fed แห่งนิวยอร์กจะได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิด ด้วยเหตุผลสองประการ ประการแรก หลังจากนี้ Fed จะเข้าสู่ช่วง “เตรียมการเลือกตั้ง (purdah)” ก่อนการประชุม FOMC ในวันที่ 26 มกราคม และนี่คือครั้งสุดท้ายที่เราจะได้ยินจากเจ้าหน้าที่ของ Fed เกี่ยวกับนโยบายจนกว่าจะถึงเวลานั้น ประการที่สอง เขารับผิดชอบหน่วยปฏิบัติการในนิวยอร์ก ดังนั้นจึงเป็นผู้ที่จะรับผิดชอบในการบริหารจัดการงบดุลเมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะเริ่มลดงบดุล ทุกคนจึงต้องการจะได้ยินสิ่งที่เขากล่าวในหัวข้อที่ถูกกาลทันเวลา

จากนั้นในช่วงเช้าของวันจันทร์ตามเวลาเอเชีย ประเทศจีนได้ประกาศตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม, ตัวเลขยอดค้าปลีก และตัวเลขการลงทุนในสินทรัพย์ถาวร (FAI) จำนวน 3 รายการตามปกติ เดือนนี้มาพร้อมกับตัวชี้วัดที่สำคัญที่สุดของจีน ซึ่งก็คือ GDP ไตรมาสที่ 4

ตลาดคาดการณ์การเติบโตที่ +3.6% yoy ซึ่งต่ำกว่าที่ Bloomberg คาดการณ์ไว้ที่ 4.9% yoy หรือเดือนพฤศจิกายน แต่หลังจากนั้นก็มีการล็อกดาวน์ที่นั่นที่นี่อีกครั้งในเดือนธันวาคม ดังนั้นการคาดการณ์ดังกล่าวจึงยังมีความเป็นไปได้

เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าคาดว่า GDP จีนจะขยายตัว 1.2% โดยในปีหน้าคาดการณ์ว่าจะขยายตัวสูงขึ้นเล็กน้อย (1.3%-1.5%)

ตามสถิติอย่างเป็นทางการนั้น ประเทศจีนยังคงนำหน้าประเทศอื่นๆ ในด้านการฟื้นตัว 

สำหรับอีกสามกลุ่มประเทศที่เหลือ คาดการณ์ว่าอัตราการเติบโตทั้งหมดจะชะลอตัวเล็กน้อยแต่ยังคงอยู่ในแนวโน้มล่าสุด

 

 

Share.
คำเตือนความเสี่ยง: การเทรดฟอเร็กซ์/CFD และตราสารอนุพันธ์อื่นๆ นั้นมีการเก็งกำไรสูงและมีความเสี่ยงสูง การเปิดเผยข้อมูลความเสี่ยงทั่วไป